วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

          15 เมืองที่เหมาะกับชีวิตวัยรุ่นอเมริกัน

Forbes ได้เปิดเผยการจัดอันดับเมืองในสหรัฐอเมริกาที่เหมาะกับการใช้ชีวิตของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ในช่วงปี 2010-2012 โดย Moody’s Economy.com ซึ่งเกณฑ์ในการจัดลำดับนั้นมีเรื่องของความเจริญเติบโตของเมืองด้านต่างๆ เงินเดือนเฉลี่ยของวัยแรงงานอายุระหว่าง 24-34 ปี ซึ่งเป็นช่วงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย (ช่วงอายุอ้างอิงตาม Payscale.com) อัตราการว่างงาน ข้อมูลสำมะโนประชากร จำนวนธุรกิจขนาดเล็กและจำนวนธุรกิจขนาดใหญ่ต่อหัว และร้อยละของสถาบันการศึกษาท้องถิ่นต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น ซึ่งมีเมืองที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของคนวัยแรงงานซึ่งจบการศึกษาแล้ว 15 เมือง ดังต่อไปนี้
 
อันดับที่ 15. Fairfield, Connecticut
รายงานประจำปีเกี่ยวกับการเติบโตของเมือง Bridgeport-Stamford-Norwalkรัฐ connecticut ในปี (2010-2012)  มีการเติบโตขึ้น 0.56 % ฐานเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $58,800 ค่าครองชีพมีอัตราเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 136.3 % ของจำนวนประชากรชาวอเมริกัน 100 คน  มีวิทยาลัยระดับปริญญาตรีอยู่ในอัตรา 43.6 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กสำหรับ 39 ครัวเรือน และ 1 ธุรกิจขนาดใหญ่สำหรับ 891 ครัวเรือน ซึ่งมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 8.5 % สำหรับตลาดแรงงานจะมีกองทุนป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน และมีบริการทางการเงินสำหรับคนรุ่นใหม่ไฟแรง
อันดับที่ 14. Little Rock, Arkansas



Rock-North Little Rock-Conway ในรัฐ Arkansas จากรายงานประจำปี (2010-2012) มีการเติบโตในการจ้างงานที่ 1.24 % มีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $43,300 ค่าครองชีพอยู่ในอัตราเติบโตที่ 94.5 % ของจำนวนประชากรต่อจำนวนประชากรอเมริกัน 100 คน วิทยาลัยท้องถิ่นที่มีระดับปริญญาตรีอยู่ในอัตรา 26 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กต่อ 49 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่สำหรับ 705 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน 7 % ด้วยความเพรียบพร้อมไปด้วยธุรกิจขนาดใหญ่ใน Little Rock จึงมีอัตราการว่างงานต่ำสุดเป็นอันดับที่ 18 จาก 100 เมืองทั่วสหรัฐอเมริกา และมีอัตราของความเจริญเติบโตในงานด้านสุขภาพอีกด้วย
อันดับที่ 13. Greenville, South Carolina



Greenville-Mauldin-Easley ใน South Carolina มีการเจริญเติบโตของงานจากรายงานประจำปี (2010-2012)อยู่ที่ 1.24 % มีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $47,900 ค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรอเมริกัน 100 คน อยู่ที่ 95.5 % ของจำนวนประชากร มีวิทยาลัยท้องถิ่นที่ให้ปริญญาตรีอยู่ในอัตรา 27.9 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กต่อ 52 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ต่อ 657 ครัวเรือน อัตราการว่างงาน 8.8 % Greenville ภูมิในนำเสนอบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง 3M, Honeywell และ Michelin North America ซึ่งมีอัตราการจ้างงานที่สูงและเป็นเมืองที่มีความเจริญเติบโตและมีค่าครองชีพต่ำ
อันดับที่ 12 Boston, Massachusetts 



Boston-Cambridge-Quincy ในรัฐ Massachusetts มีอัตราเฉลี่ยของการจ้างงานเติบโตในรายงานปี (2010-2012) อยู่ที่ 0.92 % อัตราเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $54,400 อัตราค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรชาวอเมริกัน 100 คน อยู่ที่ 119.5 % ของจำนวนประชากร มีวิทยาลัยปริญญาตรี 40.9 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 46 ครัวเรือน และ 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 1,734 ครัวเรือน อัตราการว่างงาน 6.6 % แม้บอสตันจะเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความคุ้มค่าในการอยู่อาศัย เงินเดือนที่สูง อัตราการว่างงานต่ำ แต่ยังมีจำนวนประชาการที่มีการศึกษาสูงอีกด้วย
อันดับที่ 11 Austin, Texas



Austin-Round Rock ในรัฐ Texas มีอัตราเฉลี่ยการเติบโตของงานในปี (2010-2012) อยู่ที่ 2.01 % เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $48,200 ค่าครองชีพต่อประชากรอเมริกันเฉลี่ย 100 คน อยู่ที่ 107.9 % ของจำนวนประชากร วิทยาลัยที่มีปริญญาตรี 38.7 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 55 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ ทุกๆ 973 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน  6.7 % The Texas tech เป็นศูนย์กลางของอัตราการเจริญเติบโตที่แข็งแกร่งในเมือง และมีอัตราการว่างงานที่ต่ำ
อันดับที่ 10 Minneapolis-St. Paul, Minnesota 

Minneapolis-St. Paul-Bloomington ที่รัฐ Minnesota-Wisconsin มีอัตราเฉลี่ยการเจริญเติบโตของงานประจำปี (2010-2012) อยู่ที่ 0.58 % เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $51,000 ค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรอเมริกัน 100 คน อยู่ที่ 100.2 % ของจำนวนประชากร วิทยาลัยที่ให้ปริญญาตรีอยู่ในอัตรา 37.6 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กในทุกๆ 45 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 1,447 ครัวเรือน อัตราการว่างงาน 6.3 % ที่ The Twin Cities มีฐานเงินเดือนค่อนข้างสูงและมีความเข้มข้นของธุรกิจขนาดเล็กและอัตราการว่างงานที่ต่ำ
อันดับที่ 9. Washington, D.C. 
9. Washington, D.C.

Washington-Arlington-Alexandria ใน D.C.-Va-.Md.-W.V. มีอัตราเฉลี่ยของการเติบโตของงานจากรายงานปี (2010-2012) ในอัตรา 1.11 % มีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $56,800 ค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรอเมริกัน 100 คน เฉลี่ยอยู่ที่ 121.5 % ของจำนวนประชากร วิทยาลัยระดับปริญญาตรีมีอัตราอยู่ที่ 45.8 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 50 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 1,898 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน 5.7 % กรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นศูนย์กลางของรัฐบาลและองค์กรเอกชนของประเทศ ซึ่งมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดอันดับที่ 5 ของเมืองในสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองที่มีค่าเฉลี่ยเงินเดือนสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของการจัดอันดับอีกด้วย และยังมีสัดส่วนประชากรที่มีการศึกษาในระดับสูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ
อันดับที่ 8 Colorado Springs, Colorado

8. Colorado Springs, Colo.

Colorado Springs มีรายงานอัตราการเจริญเติบโตของการจ้างงานในรายงานปี (2010-2012) อยู่ที่ 0.67 % มีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $49,300 อัตราค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรอเมริกันเฉลี่ย 100 คน อยู่ในอัตรา 98.5 % ของจำนวนประชากร วิทยาลัยระดับปริญญาตรี 35.6 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 47 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 695 ครัวเรือน  มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 9.3 % พื้นที่ในเขตนคร The Rocky Mountain เป็นสถานที่โดดเด่นและดึงดูดในผู้รับเหมาก่อสร้างและมหาวิทยาลัย ซึ่งสามารถมั่นใจได้ในการทำงานกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง 
อันดับที่ 7 Denver, Cololado



Denver-Aurora-Broomfield ในรัฐ Colorado มีอัตราเฉลี่ยการเติบโตของงานประจำปี (2010-2012) อยู่ที่ 1 % อัตราเงินเดือนเฉลี่ย $51,000 ค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรชาวอเมริกันเฉลี่ย 100 คน อยู่ที่ 102.8 % ของจำนวนประชากร วิทยาลัยระดับปริญญาตรีมีอัตราอยู่ที่ 37.6 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 43 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 1,020 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน 8.5 %  โดยที่เมือง The Mile High City มีจำนวนของประชากรที่มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี มีจำนวนของธุรกิจขนาดเล็กและการเจริญเติบโตของงานที่ดีต่อสุขภาพ มีบริษัทที่สำคัญ เช่น Lockheed Martin และ IBM
อันดับที่ 6 Portland, Maine

6. Portland, Maine

Portland-South Portland-Biddeford ในรัฐ Maine มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยของงานในรายงานประจำปี (2010-2012) อยู่ที่ 0.9 % มีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $41,000 มีค่าครองชีพต่อประชากรชาวอเมริกันเฉลี่ยอยู่ที่ 101.9 % ของจำนวนประชากร มีวิทยาลัยระดับปริญญาตรี 34.4 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 35 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 696 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน 6.2 % The New England ใน port town มีจำนวนธุรกิจขนาดเล็กต่อหัวประชากรสูงสุด มีประชากรในอัตราที่สูงในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ และมีอัตราการว่างงานต่ำ
อันดับที่ 5 Omaha, Nebraska

5. Omaha, Neb.
Omaha-Council Bluffs ในรัฐ Nebraska และ Iowa มีอัตราเฉลี่ยการเติบโตของงานในปี (2010-2012) อยู่ที่ 0.82 % เงินเดือนเฉลี่ย $45,400 ค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรชาวอเมริกันเฉลี่ย 100 คน อยู่ที่ 91.8 % ของจำนวนประชากร มีวิทยาลัยระดับปริญญาตรีอยู่ที่อัตรา 31.7 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 50 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 754 ครัวเรือน อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.6 %  Warren Buffett’s  hometown มีอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีค่าครองชีพในเมืองที่ต่ำและมีจำนวนขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่สำคัญในเมือง
อันดับที่ 4 Salt Lake City, Utah



Salt Lake City ในรัฐ Utah มีอัตราเฉลี่ยการเจริญเติบโตของงานประจำปี (2010-2012) อยู่ที่ 1.32 % มีอัตราเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $51,200 มีค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรชาวอเมริกัน 100 คน เฉลี่ยอยู่ที่ 103.9 % ของจำนวนประชากร อัตราวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีอยู่ที่ 29.7 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กในทุกๆ 43 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ในทุกๆ 764 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน 7.2 % มีธุรกิจขนาดเล็กตัวหัวมีจำนวนมากและมีความเข้มข้นสูงของธนาคารและบริการทางการเงินที่ดี และมีฉายาว่า “Crossroads of the West” เป็นเมืองที่เสนอโอกาสให้กับมืออาชีพรุ่นใหม่
อันดับที่ 3 Wisconsin, Madison



Madison ในรัฐ Wisconsin มีอัตราเฉลี่ยการเติบโตของงานในปี (2010-2012) อยู่ที่ 0.89 % มีอัตราเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $47,100 มีค่าครองชีพเฉลี่ยต่อจำนวนประชากรชาวอเมริกัน 100 คน อยู่ที่ 102.6 % ของจำนวนประชากร มีอัตราวิทยาลัยระดับปริญญาตรี 41 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 48 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 689 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน 5.3 % โดยต้องของคุณรัฐบาลของประเทศที่ทำให้วิสคอนซินเป็นเมืองที่มีความพรั่งพร้อมไปด้วยอัตราการว่างงานที่ต่ำ มหาวิทยาลัยชื่อดัง the University of Wisconsin-Madison และมีตัวเลขของการเจริญเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพและบริษัทโฆษณา
อันดับที่ 2 Raleigh, North Carolina

2. Raleigh, N.C.

Raleigh-Cary ในรัฐ North Carolina มีอัตราการเติบโตของงานในปี (2010-2012) อยู่ที่ 2 % มีอัตราเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $51,500 มีค่าครองชีพต่อจำนวนประชากรชาวอเมริกันเฉลี่ย 100 คน อยู่ที่ 104.4 % ของจำนวนประชากร มีอัตราของวิทยาลัยระดับปริญญาตรีอยู่ที่ 42.2 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กในทุกๆ 49 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ในทุกๆ 770 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 7.9 % The college town เป็นเมืองหนึ่งที่มีการประมาณการว่ามีอัตราการเจริญเติบโตของงานที่ดี มีเงินเดือนเฉลี่ยจากการจัดอันดับเมืองในสหรัฐอเมริกาดีที่สุดในลำดับที่ 16 สำหรับมื่ออาชีพรุ่นใหม่ 
อันดับที่ 1 Des Moines, Iowa



Des Moines-West Des Moines ในรัฐ Iowa มีอัตราเฉลี่ยการเติบโตของงานในปี (2010-2012) อยู่ที่ 0.99 % มี อัตราเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $47,200 มีค่าครองชีพต่ออัตราประชากรชาวอเมริกัน 100 คน เฉลี่ยอยู่ที่ 92 % ต่อจำนวนประชากร มีวิทยาลัยระดับปริญญาตรีในอัตรา 33.8 % ต่อจำนวนประชากรท้องถิ่น มี 1 ธุรกิจขนาดเล็กทุกๆ 50 ครัวเรือน และมี 1 ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกๆ 568 ครัวเรือน มีอัตราการว่างงาน 5.8 % The corn-belt city เป็นเมืองที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุด มีอัตราการว่างงานน้อยมาก มีค่าครองชีพต่ำ และมีความเฟื่องฟูของมืออาชีพรุ่นใหม่ที่อยู่ในพื้นที่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น