วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

20 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013


มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 1 
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย 95.5 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย : California Institute of Technology : ประเทศสหรัฐอเมริกา 
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย หรือที่เรียกกันว่า Caltech ตั้งอยู่ที่ Pasadena,California สหรัฐอเมริกา ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ เพราะมีนักศึกษาอยู่แค่เพียง 2,100 คนเท่านั้น แต่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ2 “ร่วม”
 มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของสหราชอาณาจักร และ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ 93.7 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด : University of Oxford : ประเทศอังกฤษ
ตั้งอยุ่ในเมืองออกซฟอร์ด สหราชอาณาจักรและเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ มีอายุไม่น้อยกว่า 800 ปี โดยประวัติการก่อตั้งไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่มีหลักฐานว่าออกซฟอร์ดได้เริ่มสอนมาตั้งแต่ พ.ศ. 1639 (ค.ศ. 1096) และในปี พ.ศ. 1710 (ค.ศ. 1167) หลังจากที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ของอังกฤษ ทรงสั่งห้ามชาวอังกฤษไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยปารีสเหมือนที่ชาวอังกฤษนิยม นักศึกษาและนักวิชาการอังกฤษที่เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ในสมัยนั้น จึงพากันไปรวมตัวที่เมืองออกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดจึงเกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์และการสนับสนุนการเงินจากคหบดีต่างๆ ในปี พ.ศ.1710 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (อนึ่ง รัชกาลที่ 6 ทรงจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยนี้)
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ : Stanford University , ประเทศสหรัฐอเมริกา
มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า มหาวิทยาลัยลีแลนด์สแตนฟอร์ดจูเนียร์ (Leland Stanford Junior University) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ตั้งอยู่ที่เมือง สแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อยู่ห่างจากซานฟรานซิสโกประมาณ 60 กม. (37 ไมล์) สแตนฟอร์ดตั้งอยู่ในศูนย์กลางของซิลิคอนแวลลีย์ในเคาน์ตีซานตาคลารา และมหาวิทยาลัยอยู่ในบริเวณเมืองพาโลอัลโต มหาวิทยาลัยก่อตั้งในปี พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) โดยเริ่มโครงการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2429 (ค.ศ. 1885)
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับสองของโลกโดย Academic Ranking of World Universities ถูกจัดให้อยู่ในระดับ เดียวกับ Harvard, Yale, Princeton, MIT, Caltech บางครั้งเรียกย่อ ๆ ในกลุ่มเด็กนักเรียน High School ว่ากลุ่ม HYPSMC หมายถึงกลุ่มมหาวิทยาลัยที่สมัครเข้าเรียนยาก นอกจากนี้สแตนฟอร์ดยังได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในสามมหาวิทยาลัยชั้นนำทางเทคโนโลยี นอกเหนือจาก MIT และ Caltech และมีนักวิจัยรางวัลโนเบลจำนวนมาก โดยเฉพาะในสาขาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ และเศรษฐศาสตร์ นอกจากนี้ สแตนฟอร์ดยังมีคลังข้อมูลและศูนย์เก็บเอกสารทางด้านศิลปศาสตร์ และสังคมศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล เช่น US Federal Government Archive ห้องเก็บหนังสือโบราณ และยังมีบุคลากรชั้นแนวหน้าในสาขาต่างๆทุกสาขา
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 4
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 93.6 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด : Harvard University : ประเทศสหรัฐอเมริกา 
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในเมืองแคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลกแห่งหนึ่ง และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2179  (ค.ศ.1636) มีอายุครบ 370 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ฮาร์วาร์เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีก โดยในปี พ.ศ.2551 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารยูเอส รวมถึงปี 2552 ที่ได้รับอันดับหนึ่งเช่นกัน
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013  อันดับ  5
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ ( MIT ) 93.1 คะแนน
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ : Massachusetts Institute of Technology : ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) หรือ เอ็มไอที (MIT) เป็นสถาบันอุดมศึกษาในเมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกแห่งหนึ่ง โดยเปิดสอนหลายสาขา ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์ การบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และปรัชญา บุคคลจากเอ็มไอทีรวมถึงศิษย์เก่าและอาจารย์ของสถาบันได้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักการเมือง ผุ้บริหาร นักเขียน นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันบุคคลในเอ็มไอทีมี่ 63คนได้รับรางวัลโนเบล มีสตาตาเซ็นเตอร์ที่ใช้เป็นอาคารเรียนและเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ ออกแบบโดย ‘แฟรงก์ เกรี’
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 6
มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน 92.7 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน Princeton University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยุ่ที่เมืองพรินซ์ตันในมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2289 (ค.ศ.1746) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ 4 ของประเทศ โดยเมื่อก่อตั้งใช้ชื่อว่า “วิทยาลัยนิวเจอร์ซีย์” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน” ในปี พ.ศ.2439 (ค.ศ.1896) หลังจากย้ายมาที่เมืองพรินซ์ตัน ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยพรินซ์ตันจะมีการเปิดสอนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันมาจากการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ยังคงได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีห้องสมุดใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 7
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ 92.6 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ : University of Cambridge : ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1209 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีผู้ได้รับรางวัลโนเบลสูงที่สุด ในบรรดามหาวิทยาลัยทั้งหลายในโลก กล่าวคือ 81 รางวัล
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 8
มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน 90.6 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน : Imperial College, University of Londo : ประเทศอังกฤษ
อิมพีเรียลคอลเลจแห่งลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษและทวีปยุโรป ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมนักวิจัยและผลงานวิจัยระดับโลกอีกมากมายนอกจากนี้ ที่นี่ยังติดอันดับ 1 ใน 3 ของ Times National University League ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์อีกด้วย
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 9
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ 90.5 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ : University of California, Berkeley ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า Cal เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1868 (พ.ศ. 2411) เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดากลุ่มมหาวิทยาลัยในแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์มีชื่อเสียงในหลากหลายด้าน ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ รวมถึงมีการค้นพบไซโคลตรอน (cyclotron)โดย เออร์เนสต์ ลอว์เรนซ์ และมีการค้นพบธาตุเคมี 17ธาตุใหม่ รวมถึง พลูโตเนียม แคลิฟอร์เนียม การพัฒนาอินเทอร์เน็ต การพัฒนายูนิกซ์ BSDและซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ
Berkeley ประกอบด้วยคณะและวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งสิ้น 14 แห่ง รวมไปถึงบัณฑิตวิทยาลัย และสถาบันเพื่อศึกษาเฉพาะด้าน อาทิ School of Optometry, Graduate School of Journalism และ College of Environmental Design ยังมีหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาอื่นๆ ที่ได้รับการจัดอันดับไว้ในระดับสูงอีกมากมาย อาทิ Haas School of Business, Graduate School of Education, College of Engineering, School of Law, School of Social Welfare, School of Public Health, และ Goldman School of Public Policy
ศิษย์เก่าที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้แก่ Justice Earl Warren อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐ, Jonny Moseley นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก, John Cho นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง Harold and Kumar, Dr. J. Robert Oppenheimer ผู้อำนวยการทางวิทยาศาสตร์ของโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในการพัฒนาระเบิดปรมาณู เขาเป็นนักฟิสิกส์และอาจารย์ที่เบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 10
มหาวิทยาลัยชิคาโก 90.4 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยชิคาโก : The University of Chicago : ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยชิคาโก หรือที่เรียกโดยย่อว่า UC หรือ UofC ตั้งอยู่ในชุมชนไฮด์พาร์ก (Hyde Park) ซึ่งอยุ่ทางใต้ของใจกลางเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประมาณ 6 ไมล์ เป็นมหาวิทยาลัยเน้นการวิจัย (Research University) ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและของโลก ในปี ค.ศ.1890 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก ‘จอห์น ดี. ร็อคกะเฟลเลอร์’ (John D. Rockefeller) มหาเศรษฐีน้ำมันชาวอเมริกันส่วนที่ดินได้รับบริจาคจาก ‘มาร์แชล ฟิลด์’(Marshall Field) ผู้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งเมืองชิคาโก เริ่มมีการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 ตุลาคม 1892 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมระหว่างการศีกษาแบบเสรี (Liberal Arts Education) ในระดับปริญญาตรี และการศึกษาวิจัยตามแนวเยอรมันในระดับบัณฑิตศีกษาโดยมีอธิการบดีคนแรกคือ ‘วิลเลี่ยม เรนนี่ ฮาร์เปอร์’ (William Rainey Harper)
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 11 
มหาวิทยาลัยเยลของสหรัฐฯ 89.2 คะแนน
10 มหาวิทยาลัยโลก2013
มหาวิทยาลัยเยล : Yale University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยเยลตั้งอยุ่ในรัฐคอนเน็คติกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี ค.ศ.1701 มหาวิทยาลัยเยลเป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งในสมาชิกของ Ivy League (ไอวี่ ลีก*) และเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา สิ่งที่เป็นที่รู้จักเป็นพิเศษก็คือ สถาบันในส่วนของผุ้ที่กำลังศึกษาอยุ่ ได้แก่ วิทยาลัยเยล และสถาบันนิติศาสตร์แห่งเยล ซึ่งทั้งสองแห่งได้ผลิตบุคลากรระดับแนวหน้ามาแล้วมากมาย อย่างเช่น ‘ฮิลลารี คลินตัน’ เป็นต้น
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013  อันดับ 12 
สถาบันเทคโนโลยีซูริกแห่งสวิตเซอร์แลนด์ 87.8 คะแนน
10 มหาวิทยาลัยโลก2013
สถาบันเทคโนโลยีซูริกแห่งสวิตเซอร์แลนด์ :ETH Zurich,Swiss Federal Institute of Technology: ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
เป็นมหาวิทยาลัยทางด้านวิทยาศาสตร์แห่งประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (ชื่อเต็มในภาษาเยอรมันคือ Eidgenössische Technische Hochschule Zürich โดยมีชื่อย่อที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ETH )
ETH มักถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มของมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับนานาชาติอยู่เสมอ ซึ่งในการจัดอันดับแต่ละครั้งนั้น ETH มักจะได้รับอันดับเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีอันดับอยู่ในห้าอันดับแรกของยุโรป และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีอันดับอยู่ในยี่สิบห้าอันดับแรกของโลก (ในปี ค.ศ. 2008 ETH ได้รับอันดับที่ 24 โดยการจัดอันดับของ ไทมส์ไฮเออร์เอดูเคชันซัปพลีเมนต์ (Times Higher Education Supplement – THES)
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013  อันดับ 13 
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-ลอสแองเจลิส (ยูซีแอลเอ) 87.7 คะแนน
10 มหาวิทยาลัยโลก2013
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส : The University of California, Los Angeles) : ประเทศสหรัฐอเมริกา
หรือรู้จักในชื่อ ยูซีแอลเอ (UCLA) เป็น มหาวิทยาลัยรัฐบาลตั้งอยู่ในเมืองลอสแอนเจลิส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยก่อตั้งในปี พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919)
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013  อันดับ 14 
มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย 87.0 คะแนน
10 มหาวิทยาลัยโลก2013
มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย : Columbia University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนของสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่* ตั้งอยู่ที่นิวยอร์คซิตี้ ในรัฐนิวยอร์คอยู่ในส่วนของชุมชนมอร์นิ่งไซด์ บริเวณส่วนเหนือของเกาะแมนฮัตตัน ก่อตั้งในปี พ.ศ.2297 (ค.ศ.1754) ในชื่อของ “วิทยาลัยคิงส์” (King’s College) โดยได้รับเงินสนับสนุนจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งอังกฤษ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของนครนิวยอร์ค และแห่งที่ 5 ในบรรดา 13 รัฐจักรวรรดิอังกฤษ ภายหลังสหรัฐอเมริกาทำการปฏิวัติโคลัมเบียได้รับการสนับสนุนในฐานะเอกลักษณ์ทางปรัชญาของรัฐตั้งแต่ปี 2327-2330
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 15 
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย 86.6 คะแนน
 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย : University of Pennsylvania : ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยทั่วไปเรียกว่า เพน (Penn) หรือ ยูเพน (UPenn) ) เป็น มหาวิทยาลัยเอกชน ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมือง ฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2283 (ค.ศ. 1740) โดยนายเบนจามิน แฟรงคลิน ซึ่งนับว่าเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่เป็นอันดับ 4 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในสมาชิกไอวีลีก
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียได้รับการยอมรับให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกาและของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีชื่อเสียงในด้าน การแพทย์ พาณิชยศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียนับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เข้ายากและมีการแข่งขันสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศ โดยนิตยสารยูเอสนิวส์ (US News & World Report 2010) นอกจากนี้ วิทยาลัยและคณะต่างๆในระดับปริญญาโทและเอกส่วนใหญ่ก็ถูกจัดอยู่ใน Top 10 เกือบทั้งสิ้น
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013  อันดับ 16 
มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ 85.6 คะแนน
10 มหาวิทยาลัยโลก 2013
มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ : Johns Hopkins University ตัวย่อ JHU : ประเทศสหรัฐอเมริกา
จอนส์ฮอปกินส์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่ใช้รูปแบบการจัดการศึกษาแบบมหาวิทยาลัยในเยอรมนี และเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่จัดการเรียนการสอนโดยใช้การสัมมนาแทนการสอนโดยการบรรยายเพียงอย่างเดียว รวมทั้งเป็นมหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งแรกที่จัดให้มีวิชาเอก (major) แทนหลักสูตรศิลปศาสตร์ทั่วไป ดังนั้นจอนส์ฮอปกินส์จึงเป็นต้นแบบของมหาวิทยาลัยวิจัยขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งใน 14 สมาชิกก่อตั้งสมาคมมหาวิทยาลัยอเมริกัน หรือ Association of American Universities
จอห์นฮอปกินส์ มีชื่อเสียงในด้านการแพทย์ สาธารณสุข และ การพยาบาล โดยได้รับการจัดอันดับจากยูเอสนิวส์ในอันดับต้นของประเทศหลายครั้ง นอกจากนั้นจอนส์ฮอปกินส์ยังมีสถาบันชั้นนำระดับโลกในสาขาอื่น อาทิ สถาบันด้านการดนตรีพีบอดี (Peabody Institute) และด้านการระหว่างประเทศ (The Paul H. Nitze School of Advanced International Studies หรือ SAIS)
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 17
ยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน 85.5 คะแนน
10 มหาวิทยาลัยโลก2013
มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน : University College London : ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน หรือ UCL ก่อตั้งขึ้นในปี 1826 โดยที่นี่ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศอังกฤษ และจัดเป็นมหาวิทยาลัยท็อปไฟว์ของอังกฤษ
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 18 
มหาวิทยาลัยคอร์เนล 83.3 คะแนน
10 มหาวิทยาลัยโลก 2013
มหาวิทยาลัยคอร์เนล : Cornell University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนตั้งอยู่ที่เมืองอิทาคา ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 1865) โดย เอซรา คอร์เนล และ แอนดรูว์ ดิกสัน ไวต์ คอร์เนลมีนักศึกษาประมาณ 20,000 คน (ในปี พ.ศ. 2548) มีชื่อเสียงทางด้านวิชาการในหลากหลายด้าน
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 19 
มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น 83.1 คะแนน
มหาวิทยาลัยต่างประเทศ
มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น : Northwestern University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
หรือเรียกโดยย่อว่า NU เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนใน สหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมืองเอแวนสตัน และเมืองชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ มหาวิทยาลัยก่อตั้งในปี พ.ศ. 2394 (ค.ศ. 1851) แคมปัสหลักที่อยู่ที่เมืองอีแวนสตัน มีพื้นที่กว่า 970,000 ตร.ม. (240 เอเคอร์) ตั้งอยู่บริเวณ ทะเลสาบมิชิแกน สีประจำมหาวิทยาลัยคือ สีม่วง มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น มีชื่อเสียงในหลายด้าน ซึ่งรวมถึง บริหารธุรกิจ นิติศาสตร์ แพทยศาสตร์ นิเทศศาสตร์ เคมี เศรษฐศาสตร์ ครุศาสตร์ สังคมสงเคราะห์ วารสารศาสตร์ และดนตรี
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 20 
มหาวิทยาลัยมิชิแกน 82.6 คะแนน
20 มหาวิทยาลัยโลก 2013
มหาวิทยาลัยมิชิแกน แอนน์อาร์เบอร์  University of Michigan, Ann Arbor ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยก่อตั้งในปี พ.ศ. 2360 (ค.ศ. 1817) ในเมืองดีทรอยต์ และได้ย้ายมาที่แอนน์อาร์เบอร์ ใน พ.ศ. 2390 มหาวิทยาลัยมิชิแกนเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐมิชิแกน และได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในอันดับต้นของประเทศในหลายสาขาวิชา รวมถึงทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและผังเมือง กฎหมาย บริหาร วิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ และดนตรี
มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ชื่อว่าเป็น มหาวิทยาลัยรัฐที่ค่าเล่าเรียนแพงที่สุดในสหรัฐอเมริกา สำหรับนักศึกษาที่ภูมิลำเนาไม่ได้อยู่ในรัฐมิชิแกน

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก 2013 ระดับเอเชีย 5 แห่งในปีนี้ ประกอบด้วย
  1. มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก (ได้ 78.3 คะแนน)
  2. มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ในอันดับที่ 29 (77.5 ),
  3. มหาวิทยาลัยฮ่องกงในอันดับที่ 35 ของโลก (75.6 คะแนน),
  4. มหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีนในอันดับที่ 46 ของโลก (70.7 คะแนน),
  5. มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโปฮังของเกาหลีใต้ที่ได้อันดับ 50 ของโลก (69.4 คะแนน)
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกสำหรับประเทศไทย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเพิ่งเข้าร่วมการสำรวจ The Times Higher Education World University Rankings เป็นปีแรก กลายเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพียงแห่งเดียวของไทยที่มีชื่อติดอันดับ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013ในปีนี้ โดยถูกจัดให้อยู่ใน “ช่วงอันดับ” ที่ 351-400 ของโลก ร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งอื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัยกลางแห่งชาติไต้หวัน (เอ็นซียู) และมหาวิทยาลัยวาเซดะของญี่ปุ่น
ด้านฟิล เบตี บรรณาธิการนิตยสาร “Times Higher Education” ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงลอนดอนเผยว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีซึ่งเข้าร่วมเป็นปีแรก สามารถมีชื่อติดอันดับ 400 สถาบันการศึกษาขั้นสูงที่ดีที่สุดในโลกได้ พร้อมเผยว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ถือเป็นสถาบันที่มีอัตรางานวิจัยต่อหัวสูงที่สุดของประเทศไทย ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้คะแนนสูงสุดของไทยทั้งในด้านนวัตกรรม ด้านความเป็นนานาชาติ ด้านสภาพแวดล้อมในการเรียน รวมถึงในด้านผลงานการวิจัย
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งเคยมีชื่อติดกลุ่ม 351-400 ของโลกเมื่อปีที่แล้วกลับไม่ติดอันดับจากการสำรวจในปีนี้ เช่นเดียวกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งต่างไม่มีรายชื่อติด 400 อันดับ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก  2013 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกในปีนี้เช่นเดียวกัน

 วันขึ้นปีใหม่ (1 มกราคม)
วันขึ้นปีใหม่
ความหมาย วันขึ้นปีใหม่ 
วันขึ้นปีใหม่ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า ปี หมายถึง เวลาชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน และ เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ
ประวัติความเป็นมา วันขึ้นปีใหม่
ในสมัยโบราณนั้น แต่ละชาติต่างก็ไม่มีวันขึ้นปีใหม่ที่ตรงกัน เช่นในประเทศเยอรมัน ชาวเยอรมันในสมัยโบราณจะมีวันขึ้นปีใหม่ในปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาที่กำลังมีอากาศหนาวเย็น ประชาชนที่แยกย้ายออกไปหากินในที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ในช่วงฤดูร้อน หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผล และ นำขึ้นยุ้งฉางเสร็จแล้ว ก็จะมาร่วมฉลองขึ้นปีใหม่ในระยะนี้ ต่อมาเมื่อชาวโรมันได้เข้ามารุกราน จึงได้เลื่อนการฉลองปีใหม่มาเป็น วันที่ 1 มกราคม ชาติโบราณ เช่น ไอยคุปค์ เฟนิเชียนและอิหร่าน เริ่มปีใหม่ราว วันที่ 21 กันยายน รวมถึงชาวโรมันก็เริ่มปีใหม่วันนี้เช่นเดียวกัน
วันปีใหม่
ครั้งมาถึงสมัยของซีซาร์ที่ใช้ปฏิทินแบบยูเลียน จึงเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่มาเป็นวันที่ 1 มกราคม แต่
  • พวกยิวจะขึ้นปีใหม่ อย่างเป็นทางการประมาณวันที่ 6 กันยายน ถึงวันที่ 5 ตุลาคม และ ทางศาสนาเริ่มวันที่ 21 มีนาคม
  • ชาวคริสเตียนในยุคกลางจะเริ่มปีใหม่ในวันที่ 25 มีนาคม
  • คนอังกฤษ เชื้อสายแองโกลซักซอนได้เริ่มปีใหม่วันที่ 25 ธันวาคม
ภายหลังเมื่อพระเจ้าวิลเลี่ยม ( William the Conqueror ) ได้เป็นราชาธิราชแห่งเกาะอังกฤษ จึงเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่มาเป็นวันที่ 1 มกราคม ต่อมาเมื่อถึงยุคกลางชาวอังกฤษก็เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 25 มีนาคม เช่นเดียวกับชาวคริสเตียนอื่น ๆ แต่ต่อมาเมื่อมีการใช้ปฏิทินแบบกรีกอเรียน ชาวคริสเตียนิกายโรมันคาทอลิกก็กลับมาขึ้นปีใหม่วันที่ 1 มกราคมกันอีก
วันปีใหม่
ประวัติความเป็นมาของไทย
ประเพณีปีใหม่ของไทยสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๕ ตอนต้น ถือวันทางจันทรคติ เป็นวันขึ้นปีใหม่ สำหรับพระราชพิธีปีใหม่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าเสด็จ เข้าไปรับพระราชทานเลี้ยง ณ ท้องพระโรงกลางพระที่นังจักรีมหาปราสาทพระราชทาน ฉลากแก่พระบรมวงศฉลากแล้วเสด็จพระราชดำเนินมา ที่ชาลาหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทอดพระเนตรละคร หลวงแล้วเสด็จ ฯ กลับ
สมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณโปรดเกล้าฯให้ใช้พุทธศักราช แทนรัตนโกสินทรศก ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๕ และต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๖ โปรดให้รวมพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์เถลิงศก สงกรานต์ พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลถือน้ำพระพิพัฒน์ สัตยาเข้าด้วยกันเรียกว่าพระราชพิธีตรุษสงกรานต์
ครั้นต่อมาในรัชกาลที่ ๘ คณะผู้สำเร็จราชการแทน พระองค์ใน พระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล ได้ประกาศให้ใช้วันที่ ๑ มกราคม เป็น วันขึ้นปีใหม่ เพราะวันที่ ๑ มกราคม ใกล้เคียงวันแรม ๑ ค่ำ เดือนอ้าย เป็นการใช้ฤดูหนาวเริ่มต้นปี และเป็นการสอดคล้อง ตามจารีตประเพณีโบราณของไทยต้องตามคติแห่งพระบวร พุทธศาสนาและตรงกับนานาประเทศ โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 58 หน้า 31 เป็นต้นไป
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ คณะผู้สำเร็จราชการแทน พระองค์โปรดให้ยกการพระราชกุศลสดับปกรณ์ผ้าคู่ในวัน ขึ้นปีใหม่ไปใช้ในพระราชพิธีสงกรานต์ ซึ่งฟื้นฟูขึ้นใหม่ตาม โบราณราชประเพณีซึ่งเป็นเทศกาล สงกรานต์ในวันที่ ๑๓ – ๑๔ – ๑๕ เมษายน
สำหรับ พิธีของราชการและประชาชนสำหรับงานของทาง ราชการและประชาชนในวันขึ้นปีใหม่ก็จะมีตั้งแต่คืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม จนถึง วันที่ ๑ มกราคมเช่นเคยยึดถือมาเดิม คือในวันสิ้นปี หรือวันที่ ๓๑ ธันวาคม ทางราชการหรือ ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ จัดให้มีการรื่นเริง และมหรสพ มีพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พรปีใหม่ แก่ประชาชน สมเด็จพระสังฆราชประทานพรปีใหม่ แก่พุทธศาสนิกชนและบุคคลสำคัญของบ้านเมือง เช่น ประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี ประธาน ศาลฎีกากล่าวคำ ปราศรัย พอถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. วัดวาอารามต่างๆ จะจัด พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ย่ำฆ้อง กลอง ระฆัง เพื่อแสดง ความยินดีต้อนรับรุ่งอรุณแห่งชีวิตของประชาชนในปีใหม่ โดยทั่วกัน ตอนเช้าวันที่ ๑ มกราคมก็จะมีการทำบุญตักบาตร สุดแท้แต่การจัด บางปีมีการจัดร่วมกัน บางปีบางท้องที่ก็ไป ทำบุญตักบาตรกันที่วัด หรือที่ใดๆ บางท่านบางครอบครัว ก็มีการทำบุญตักบาตร หรือการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน ที่สำนักงานของตน
การทำบุญ วันขึ้นปีใหม่
เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนจะพากันเก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับไฟและธงชาติตามสถานที่สำคัญๆ ครั้นถึงวันที่ 31 ธันวาคม ก็จะมีการทำบุญเลี้ยงพระไปวัดเพื่อประกอบกิจกุศลต่าง ๆ เช่น ฟังพระธรรมเทศนา ถือศีลปฏิบัติธรรมแต่บางคนก็แค่ทำบุญตักบาตร ตอนกลางคืนบางแห่งอาจจัดเทศกาลกินเลี้ยงที่ครื้นเครงสนุกสนาน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เช้าวันที่ 1 มกราคม จะมีการทำบุญตักบาตร ไปท่องเที่ยวหรือเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ผู้ที่เคารพนับถือ มีการมอบของขวัญและบัตรอวยพรให้แก่กัน สำหรับในต่างจังหวัด จะมีการทำบุญเลี้ยงพระที่วัดอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ญาติที่ล่วงลับ กลางคืนมีการละเล่นพื้นบ้านหรือจัดมหรสพมาฉลอง

การ์ดปีใหม่ 2556



การ์ดปีใหม่ 2556 happy new year 2013


การ์ดปีใหม่ 2556


การ์ดปีใหม่ 2556/2013














การ์ดปีใหม่ 2556






การ์ดปีใหม่ 2556


การ์ดปีใหม่ 2556

คำอวยพรวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ ภาษาอังกฤษ
ช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่  เป้นช่วงเทศกาลส่งความสุข และสิ่งดี ๆ มอบให้กับ จึงได้รวบรวมคำอวยวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ ภาษาอังกฤษ เพื่อนำไปใช้กันต่อไปค่ะ
( ผิดพลาดอย่างไร ก็ช่วยแนะนำมานะค่ะ….)
Christmas Greetings Wishing you a prosperous New Year! Christmas Greetings
ขออวยพรให้ท่านจงเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูตลอดปีใหม่
Season’s Greetings– May love and laughter fill your life at Christmas and throughout the New Year.
เทศกาลแห่งการอวยพร ขออวยพรให้ความรัก และเสียงหัวเราะเติมเต็มชีวิตของคุณ ในวันคริสต์มาสตลอดไปถึงวันปีใหม่
My wishes for Christmas: 1. Joy to the world 2. Good will toward men 3. Pizza on Earth!
สิ่งที่ฉันปรารถนาในวันคริสต์มาสนี้ 1. คนทั่วโลกมีความสุข 2. ผู้คนอยู่กันอย่างสันติ 3.มีพิชซ่าให้กิน (โจ๊ก)
Christmas Cold weather and warm feelings.
คริสต์มาสอากาศที่เหน็บหนาวและความรู้ที่อบอุ่น
Merry Christmas and Happy New Year.
สุขสันต์วันคริสต์มาสและปีใหม่
One of my favorite gifts is hearing from you. Greetings of the season to you and yours.
หนึ่งในของขวัญที่ฉันชอบคือการติดต่อจากคุณ. ขอให้คุณและครอบครัวมีความสุขในเทศกาลนี้
We wish you a holiday season that is filled with wonder and delight.
เราขออวยพรให้เทศกาลวันหยุดของคุณ เติมเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความเบิกบานใจ
Season’s greetings. Our best to you during the holidays.
เทศกาลส่งความสุขนี้ ขอส่งความปรารถนาดีจากเราถึงคุณ
Best wishes to all hopes fulfilled with what it thought. On Christmas Day this year.
ขออวยพรให้ทุกคนสมหวังกับสิ่งที่คิดไว้ ในวันคริสต์มาสปีนี้
Best wishes to all find prosperity in this year’s Christmas Day until New Year.
ขออวยพรให้ทุกคนพบกับเจริญรุ่งเรืองในวันคริสต์มาสปีนี้จนถึงปีใหม่
We found that all but good things. Health bodies. On Christmas Day this year.
ขอให้ทุกคนพบแต่สิ่งดีๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง ในวันคริสต์มาสปีนี้
What if every year Bora Na ask hopes fulfilled on Christmas this year.
สิ่งที่ทุกคนปราถนาขอให้สมหวังในวันคริสต์มาสปีนี้
Greetings of the New Year. Wishing you all success in the next.
สวัสดีปีใหม่ขออวยพรให้ท่านจงประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่งในปีใหม่นี้
A toast to the New Year. May all your resolutions become completed projects.
ดื่มอวยพรฉลองปีใหม่ ขออวยพรให้สิ่งที่ท่านตั้งใจไว้จงสมหวัง
Happy New Year! Thinking of you as we begin anew.
สวัสดีปีใหม่คิดถึงคุณในปีใหม่นี้
We wish you a holiday season that is filled with wonder and delight!
เราขออวยพรให้เทศกาลวันหยุดของคุณเติมเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความเบิกบานใจ
A hope for one world family. From ours to yours.
ปรารถนาให้โลกมีสันติ สำหรับครอบครัวคุณ …จากเรา
One of my favorite gifts is hearing from you.
Greetings of the season to you and yours.
ของขวัญลํ้าค่าคือการทราบข่าวคราวจากคุณเทศกาลแห่งอวยพรนี้จงเป็นของคุณและครอบครัว
Happy holidays! Wishing you all the joys of the season.
Happy holidays! ขออวยพรให้คุณมีความปีติยินดีตลอดทั้งปี
HAPPY HOLIDAYS! Have a joyous Christmas and a festive New Year!
Happy holidays! ขอให้มีความปีติยินดีในวันคริสต์มาสและรื่นเริงในวันปีใหม่
  1. May this year bring inspiration and happiness to you and your family.
  2. Looks like a bright new year ahead!
  3. Wishing you peace and joy in the New Year
  4. The beginning is always today! Happy New Year.
  5. A new year is a reminder to celebrate all the things that are good in your world. Happy New Year.
  6. Wishing you a very Happy New Year.
  7. Time flies may you catch it and enjoy many moments in the year ahead Happy New Year.
  8. Wishing you good times, good health, good cheer, and a very Happy New Year !
  9. Wishing you peace, love and fun in the new year.
  1. สุขสันต์วันปีใหม่ ขอให้มีความสุขกาย สบายใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยทั้งหลายทั้งปวง
  2. ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ขออราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้……………และครอบครัว พบแต่ความสุข ความเจริญตลอดไปเทอญ
  3. วันนี้วันดีวันปีใหม่ ขอเทพไท้อวยชัยให้สมหวัง มีความสุขถ้วนหน้าทุกคืนวัน แม้ยามฝันยังสุขทุกเวลา
  4. ขอให้ปีใหม่ คิดดี ทำดี และพบเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดปี และตลอดไป ขออวยชัยให้มีสุขสมหวัง มีพลังในการต่อสู้ … แฮปปี้นิวเยียร์
  5. ปีใหม่ วันใหม่ เริ่มชีวิตใหม่ สุข สนุกสดใส สุขสำราญ เบิกบานใจ สวัสดีปีใหม่จ้า
  6. ความอับโชค ที่มา กับราศี
    อีกโพยภัย ไข้ทำ ประจำมี
    ในชีวี จงสลาย มลายพลัน
  7. สวัสดี ปีใหม่ ขอให้สุข
    หมดสิ้นทุกข์ กายจิต มิผิดผัน
    อายุมั่น ขวัญยืน สี่หมื่นวัน
    มีผิวพรรณ ผ่องนวล เย้ายวนชม
  8. ปรารถนา เงินทอง กองท่วมฟ้า
    ทำการค้า ร่ำรวย ไปสวยสม
    มียศศักดิ์ รักใคร ใคร่ภิรมย์
    ขอให้กลม เกลียวกัน และมั่นคง
  9. ถ้าผู้ใด ใจว่าง เรื่องทางรัก
    ให้พบพักตร์ กันที อย่ามีหลง
    หากอกหัก หนักไป ครวญใคร่ปลง
    ขอท่านจง โชคดี ทั้งปีเทอญ
ประวัติความเป็นมา 

วันปีใหม่ มีประวัติความเป็นมาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและความเหมาะสม ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกเมื่อชาวบาบิโลเนียเริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทิน โดยอาศัยระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์เป็นหลักในการนับ เมื่อครบ 12 เดือนก็กำหนดว่าเป็น 1 ปี และเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างการนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาล จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 1 เดือน เป็น 13 เดือนในทุก 4 ปี

ต่อมาชาวอียิปต์ กรีก และชาวเซมิติค ได้นำปฏิทินของชาวบาบิโลเนียมาดัดแปลงแก้ไข อีกหลายคราวเพื่อให้ตรงกับฤดูกาลมากยิ่งขึ้นจนถึงสมัยของกษัตริย์จูเลียต ซีซาร์ ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอียิปต์ชื่อ โยซิเยนิส มาปรับปรุง ให้ปีหนึ่งมี 365 วัน ในทุก ๆ 4 ปี ให้เติมเดือนที่มี 28 วัน เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เป็น 29 วัน คือเดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่า อธิกสุรทิน

เมื่อเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์มี 29 วันในทุก ๆ 4 ปี แต่วันในปฏิทินก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูกาลนัก คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าปีตามฤดูกาล เป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน

และในวันที่ 21 มีนาคมตามปีปฏิทินของทุก ๆ ปี จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออก และลับลงตรงทิศตะวันตกเป๋ง วันนี้ทั่วโลกจึงมีช่วงเวลาเท่ากับ 12 ชั่วโมง เท่ากัน เรียกว่า วันทิวาราตรีเสมอภาคมีนาคม (Equinox in March)

แต่ในปี พ.ศ. 2125 วัน Equinox in March กลับไปเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้น พระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่ 13 จึงทำการปรับปรุงแก้ไขหักวันออกไป 10 วันจากปีปฏิทิน และให้วันหลังจากวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2125 แทนที่จะเป็นวันที่ 5 ตุลาคม ก็ให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน (เฉพาะในปี 2125 นี้) ปฏิทินแบบใหม่นี้จึงเรียกว่า ปฏิทินเกรกอเรี่ยน จากนั้นได้ปรับปรุงประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของปีเป็นต้นมา

ความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่ไทย 
ในอดีต วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้งคือ ครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน 
การกำหนดวันขึ้นปีใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ.2432 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่อยู่ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ไม่สู้จะมีการรื่นเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นใน กรุงเทพฯเป็นครั้งแรก

การจัดงานวันขึ้นปีใหม่ที่ได้เริ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายน ได้แพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆมา และในปี พ.ศ.2479 ก็ได้มีการ จัดงานรื่นเริงปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด วันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า วันตรุษสงกรานต์

ต่อมาได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งมีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันขึ้นปีใหม่เป็นต้นไป

เหตุผลที่ทางราชการได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายนมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ก็คือ 
1. ไม่ขัดกับพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ 
2. เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมพระพุทธศาสนา 
3. ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก 
4. เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย 

กิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่มักจะยึดถือปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ได้แก่ 
1. การทำบุญตักบาตร โดยอาจตักบาตรที่บ้าน หรือไปที่วัดหรือตามสถานที่ต่างๆที่ทางราชการเชิญชวนไปร่วมทำบุญ 
2. การกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง การมอบของขวัญ การมอบช่อดอกไม้ หรือการส่งบัตรอวยพร 
3. การจัดงานรื่นเริง การจัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือตามหน่วยงานต่างๆ 
วันขึ้นปีใหม่นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เราได้ทบทวนถึงการดำเนินชีวิตในอดีต เพื่อจะได้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ดีขึ้น

กิจกรรมใน วันขึ้นปีใหม่ 
วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ปล่อยปลา ปล่อยนก อวยพรซึ่งกันและกัน หรืออาจจะส่งการ์ดบัตรอวยพร ของขัวญไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร และสรงน้ำพระพุทธรูป ประดับธงชาติ และจะเตรียมทำความสะอาดบ้าน และที่พักอาศัย 

เพลงวันปีใหม่ (เพลงพรปีใหม่ เพลงพระราชนิพนธ์ในหลวง) 

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ 



เกี่ยวกับ เพลงพรปีใหม่ 
เพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 13 ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2494 เมื่อเสด็จนิวัตพระนคร และประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่ แก่บรรดาพสกนิกรไทยด้วยเพลง จึงทรงพระราชนิพนธ์เพลง "พรปีใหม่" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอำนวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี 2 วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปีใหม่ วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2495 

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Bonjour-présenter.


            Salut  Luisa !


    Je   m'appelle  Wanwipa  SUKPONG.  J'ai  16  ans. Je  suis  thaïlandaise.   J'habite  à  Nakorn Pathom.   Il y a 4 personne  dans ma famille .   j' ai un petite frère.  je suis élève à l' école Rachineeburana. J'adore  Dessin animé .  J'aime de la musiqe et   le  Thaï.  je deteste le math.

                                                                                                 Wanwipa.

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

27 pays de l'Union européenne






LES 27 PAYS DE L'EUROPE - UNION EUROPÉENNE

Drapeau de l'Union européenne - Europe
Voici les 27 pays de l'Union Euroépenne depuis le 1er janvier 2007. Les pays sont classés par ordre alphabétique. Les 6 premiers pays fondateurs de la CEE (qui deviendra l'Union Européenne) sont indiqués en gras, pour tous les autres l'année d'entrée dans l'Union Européenne est indiquée.

Pays
Capitale
Drapeau
Adhésion
Monnaie

ALLEMAGNE

BerlinDrapeau allemandPays fondateurEuro

AUTRICHE

Viennedrapeau de l'autriche1995Euro

BELGIQUE

BruxellesDrapeau belgePays fondateurEuro

BULGARIE

SofiaBulgarie2007Lev

CHYPRE

Nicosiedrapeau de chypre2004Livre chypriote

DANEMARK

Copenhaguedrapeau du danemark1973Couronne danoise

ESPAGNE

MadridDrapeau espagnol1986Euro

ESTONIE

Tallinndrapeau de l'estonie2004Couronne estonienne

FINLANDE

Helsinkidrapeau de la finlande1995Euro

FRANCE

ParisDrapeau françaisPaysfondateurEuro

GRÈCE

AthènesDrapeau de la Grèce1981Euro

HONGRIE

Budapestdrapeau de la Hongrie2004Forint

IRLANDE

DublinDrapeau de la république d'Irlande1973Euro

ITALIE

RomeDrapeau italienPays fondateurEuro

LETTONIE

Rigadrapeau de la Lettonie2004Lats

LITUANIE

Vilniusdrapeau de lituanie2004Litas

LUXEMBOURG

Luxembourgdrapeau du luxembourgPays fondateurEuro

MALTE

La Valettedrapeau de Malte2004Lire maltaise

PAYS BAS

Amsterdamdrapeau des pays basPays fondateurEuro

POLOGNE

Varsoviedrapeau de la pologne2004Aloty

PORTUGAL

Lisbonnedrapeau du portugal1986Euro

RÉPUBLIQUE TCHÈQUE

Praguedrapeau de la république Tchèque2004Couronne tchèque

ROUMANIE

Bucarestroumanie2007Leu

ROYAUME UNIS

Londresdrapeau du royaume unis1973Livre sterling

SLOVAQUIE

Bratislavadrapeau de slovaquie2004Couronne slovaque

SLOVÉNIE

Ljubljanadrapeau de slovénie2004Euro

SUÈDE

Stockholmdrapeau de la suède1995Couronne suédoise